วันนี้เตรียมอาหารกลางวันมาเอง เพราะไม่ได้เข้าประชุม เลยไม่มีข้าวฟรีกินเหมือนทุกวันศุกร์ที่ผ่านมา เป็นผัดเต้าหู้ ซึ่งได้มาจากไปเดินตลาดนัดหน้าโรงพยาบาลพญาไทเมื่อวันพุธ ว่าจะทำตั้งแต่เมื่อวาน แต่ลืมไว้ในตู้เย็นที่ทำงาน เลยต้องล่วงเลยมาทำวันนี้ คิดอยู่ว่าจะทำอะไรกินดี ผัดกะเพราก็เบื่อ ผัดจืดๆใส่คึ่นช่าย หรือทำน้ำแดงทรงเครื่องราดหน้าก็เดิมๆ แล้วก้จืดชืดไปหน่อย ทอดจิ้มน้ำจิ้มก็จะกลายเป็นของว่างไปเสีย ไม่ใช่กับข้าว ก็เลยลองจิ้นดู (จิ้น เป็นภาษาที่วัยรุ่นใช้ในปัจจุบัน ย่อมาจาก imagine อ้ะค่ะ ) ว่าถ้าผัดกับพริกเหลืองใส่ใบโหระพาหอมๆจะดีมั้ย ไปดูตามเน็ตผู้เชี่ยวชาญการทำอาหารก้มีคลายๆ น่าจะพอไปได้ พอทำออกมา แม่เจ้า อร่อยดีนะคะ ไว้จะทำให้แม่กินด้วย น่าจะดีสำหรับผู้สูงอายุ..
ก่อนจะไปลงมือทำกัน จิ๊บว่าในเมื่อบล็อคนี้มันเป็นที่ที่เราจะคุยกันได้ทุกเรื่อง ก็เลยอยากคุยเรื่องเต้าหู้ หลายคนเคยเห็นเคยกิน แต่หลายคนรวมทั้งจิ๊บไม่เคยทราบความเป็นมาของเต้าหู้แน่ๆ
ตำราหนึ่งก็ว่า เชื่อกันว่า คนจีนอาจได้แบบอย่าง การทำเต้าหู้ มาจากการทำชีส ของชาวมองโกลทางเหนือ หรือคนอินเดียทางใต้ของจีน เพราะวิธีการทำเต้าหู้ ละม้ายคล้ายการทำชีส จากนมวัวหรือน้ำนมสัตว์อื่นๆ เก่ากว่านั้นคือชาวเอเชียกลาง รู้วิธีการทำชีส มาหลายพันปีก่อนคริสตกาล เก่าสุดๆ มีการพบหลักฐาน ก้อนชีส ในหลุมผังศพอียิปต์โบราณ อายุกว่า 3,000 ปี..เก่ากว่านั้นจิ๊บก็ไม่รู้แล้วละค่ะ ...
อีกตำนานหนึ่ง เค้าเล่ากันว่า...สมัยก่อนในประเทศจีนอันกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งย่อมต้องมีทั้งคนจน คนรวย ขุนนาง และชนชั้นต่างๆมากมาย การกินการอยู่ก็เป็นกันไปตามอัตภาพ คนรวยเศรษฐี คหบดี ขุนน้ำขุนนางก็กินหมูเห็ดเป็ดไก่ คนจนก็คงต้องกินผักกินพืชที่ปลูกกันได้เอง แม้จะต้องซื้อหามา สนนราคาก็คงไม่แพงเท่าหมูเห็ดเป็ดไก่เป็นแน่ แต่มีชายคนหนึ่ง แกรับราชการเป็นเพียงตำแหน่งเล็กๆ แต่มีความซื่อสัตย์ ไม่คดไม่โกง ไม่เก็บส่วยรีดนาทาเร้นชาวบ้านเพื่อส่งส่วยให้บรรดาขุนนางผู้ใหญ่ รายได้แต่ละเดือนที่ได้รับก็น้อยเกินกว่าจะเพียงพอซื้อเนื้อสัตว์อันดีมากิน แกจึงคิดค้นการทำเต้าหู้จากถั่วเหลืองขึ้นมา เพื่อเป็นโปรตีนทดแทนเนื้อสัตว์ราคาแพง ปรากฏว่ากลายเป็นของดี มีประโยชน์ และแพร่หลายกันมาจนทุกวันนี้ และเนื่องด้วยคุณข้าราชการคนนี้ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต คนจีนจึงมักจึงเปรียบเทียบเรียกข้าราชการที่ใจซื่อมือสะอาด ซื่อสัตย์สุจริตว่า "ข้าราชการเต้าหู้"
อีกอย่างหนึ่ง การที่เต้าหู้เป็นอาหารที่ดีมีประโยชน์ แต่ราคาถูกเป็นที่นิยมกินในหมู่คนที่มีรายได้น้อย เพื่อทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ก็เลยมีการเปรียบเทียบ นางงาม หรือสาวงามที่มีความสะสวย แต่มีฐานะยากจนว่า "สาวงามเต้าหู้" ว่าเข้าไปนั่น
ยังงี้จิ๊บจะเลือกเป็นอะไรดีระหว่าง "ข้าราชการเต้าหู้" กับ "นางงามเต้าหู้" (...เอ้า...ฮาาา)
ว่าแต่ผัดเต้าหู้ของจิ๊บวันนี้ไม่ใช่เต้าหู้ธรรมดาค่ะ แต่จิ๊บจะใช้เต้าหู้ปลามาผัด เต้าหู้ปลานี้ สมัยก่อนน่าจะยังไม่มี เพิ่งเคยเห็นเป็นนวัตกรรมอาหารมาไม่นานนี่เอง หรือมีมานาน แต่จิ๊บเพิ่งจะเคยเห็นเคยรู้จักมาไม่กี่ปีนี้ก็ไม่ทราบได้
เต้าหู้ปลาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำเนื้อปลาบดมาผสมให้เข้ากันกับส่วนประกอบต่างๆ เช่น น้ำนมถั่วเหลือง แป้งถั่วเหลือง แป้งมันสำปะหลัง ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงแต่งรสและ เครื่องเทศเช่น เกลือ น้ำตาล พริกไทย อาจเติมส่วนประกอบอื่น เช่น แครอท สาหร่าย นวดให้เหนียวและทำให้เป็นรูปร่างตามต้องการ นำไปให้ความร้อนโดยการนึ่งหรือต้มจนสุก ทำให้เย็น แล้วอาจนำไปทอดพอเหลือง
เป็นอันว่ารู้จักเต้าหู้ และเต้าหู้ปลากันดีแล้ว เรามาทำกับข้าวเมนูนี้กันเลยดีกว่านะคะ เครื่องปรุงคือ เต้าหู้ปลาครึ่งกิโล น้ำมันพืช ซัก 2 ช้อนโต๊ะพอ พริกสดโขลกกับกระเทียมหยาบๆ ใช้พริกเหลืองเม็ดใหญ่ๆ 4-5 เม็ด พริกชี้ฟ้าสีเขียว สีแดง ซัก 3-4 เม็ด เพิ่มสีสัน ใบโหระพาสดๆกำนึง น้ำปลาดี น้ำตาลมะพร้าวช้อนชานึง เดี๋ยวนี้จิ๊บชอบใช้น้ำตาลมะพร้าวทำกับข้าว มันหอม แล้วก็หวานกลมกล่อม ไม่หวานแหลมอย่างน้ำตาลทราย อีกอย่างก็ดีกว่าน้ำตาลทรายตรงที่เราไม่ต้องกินสารฟอกขาวในกระบวนการผลิตน้ำตาลทราย นั่นเอง
วิธีการก็แสนจะง่ายดาย ตั้งกะทะ น้ำมันร้อน เอาพริกที่โขลกไว้ลงไปผัด จนหอมดี ใส่เต้าหู้ที่ล้างสะอาดดีแล้วลงไปผัดคลุกเคล้า ถ้าคิดว่าชิ้นใหญ่ไปก็หั่นทอนลง หรือหั่นเฉลียงเป็นสามเหลี่ยมก็ได้นะคะ ใส่น้ำปลาดี น้ำตาล พอเข้ากัน เหยาะน้ำลงไป ผัดจนน้ำกับเครื่องปรุงเข้ากัน น้ำงวดลงเหลือขลุกขลิก ก็ใส่ใบโหระพา แล้วก็ตักขึ้นใส่จาน รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อย อย่าบอกใครเชียวค่ะ
นี่จิ๊บจะเก็บโต๊ะทำงานเตรียมตัวไปโคราชละ บ๊ายบายก่อนนะคะ เจอกันในเมนูต่อไปนะคะ สุขสันต์วันสุดสัปดาห์ทุกคนค่ะ....