วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ไม่สวยแล้วไง...ตอนที่1


          ตั้งแต่จิ๊บเปิดบ้าน และเปิดห้องรับแขกเล็กๆ นี้มาได้ สี่ห้าวัน ก็มีแขกเข้ามาเยี่ยมเยือนกันหลายคนทีเดียว และส่วนใหญ่จะเป็นน้องๆ สาวๆ  ซึ่งน้องสาวบางคนน่ารักแบบเปิดเผยก็คุยออกอากาศกันเลยทีเดียว บางคนก็น่ารักเรียบร้อย ขี้อาย ไม่ยอมเมนท์ แค่ขอแอบคุยกะพี่จิ๊บเงียบๆ ไม่กระโตกกระตากให้ใครได้ยิน อิอิ  และหนึ่งในจำนวนนั้น ก็มีน้องสาวที่น่ารักคนหนึ่งแอบกระซิบกับพี่จิ๊บว่า “เป็นคนรักน้องหมา” อยากให้พี่จิ๊บคุยเรื่องเกี่ยวกับน้องหมาบ้าง ก็พอดีเลย...เพราะพี่จิ๊บก็กำลังคิดถึง “เจ้าตัวอ้วน” ของพี่จิ๊บเหมือนกัน...
          ความจริงสมัยก่อน....พูดย้อนอดีตแบบนี้กลัวถูกกล่าวหาว่าแก่เหมือนกันนะเนี่ย.. อิอิ  แต่มะเป็นไร ยอมๆๆ เพื่อน้องสาวที่น่ารัก...ก็คือแต่เดิมมาจิ๊บก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเจ้าสี่ขาขี้อ้อนที่เรียกกันว่า “หมา” ซักเท่าไหร่เลย เห็นก็งั้นๆ ยิ่งด้วยความที่เป็นคนติดอมนิ้วมือเลยไม่ยอมแตะต้องหมา แมว และสัตว์เกือบทุกชนิด อีกอย่างสัตว์จำพวกมีปีกอ้ะ อื๋อ...ไม่เข้าใกล้เลย อาจจะเป็นเพราะมีประสบการณ์ที่ไม่ประทับใจสัตว์ปีกตั้งแต่เด็กๆ 
เหตุการณ์ที่ทำให้กลัวสัตว์ปีกเกิดขึ้นที่หลังบ้านคุณยายน่ะแหละ..
          หลังบ้านคุณตาคุณยายจะมีสระน้ำที่ขุดไว้ซึ่งเป็นสระแบบธรรมชาติ ไม่ใช่สระว่ายน้ำที่น้ำเป็นสีฟ้าเหมือนที่คอนโดเราสมัยนี้นะคะ ขนาดของสระที่ว่าก็ใหญ่โตพอสมควรเชียวละ ในสระก็จะมีพืชน้ำหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นบัวเผื่อนที่ดอกเป็นสีชมพูเข้ม และสายบัวก็เอามาต้มกระทิปลาทู หรือเอามาลอกเปลือกออกหั่นเป็นท่อนสั้นๆ เป็นผักกินกับน้ำพริก มีผักบุ้งบ้านแบบลำต้นอ้วนๆ สั้นๆ ที่ใช้ทำแกงเทโพ เวลาออกดอกก็จะเป็นสีม่วงอ่อนรูปร่างคล้ายดอกลำโพง สวยไปอีกแบบ นอกจากนี้ก็มีผักกระเฉด เพราะเวลาซื้อมาจากตลาดเด็ดส่วนที่อ่อนไปทำกับข้าวแล้ว ส่วนก้านที่เหลือ แก่ๆ แข็งๆ กินไม่ได้ คุณยายก็ให้ป้าออมเอาไปโยนใส่สระหลังบ้าน แล้วมันก็เลยแพร่พันธุ์มากพอควร หลังๆ ก็เก็บมากิน ไม่ต้องไปซื้อที่ตลาดอีกสบายไป ในน้ำก็มีสาหร่ายเขียวๆแบบเส้นเล็กๆ และแบบที่ใส่ในตู้ปลาด้วย แต่กินได้ มีจอกนิดหน่อย แต่คุณยายให้เก็บออกไม่ให้มีมากเพราะมันแพร่พันธุ์เร็วมาก เดี๋ยวมันจะกลายเป็นวัชชพืชแย่งอาหารของผักน้ำไปเสีย




ที่ริมสระมีต้นสะเดาต้นใหญ่ 2 ต้น ให้ร่มครึ้มทีเดียว แม้เวลากลางวันที่แดดจัดๆ ไปนั่งเล่นริมสระใต้ต้นสะเดานี้ก็จะรู้สึกเย็นมากเลยค่ะ สะเดา 2 ต้นนี้คุณยายบอกว่าเป็นสะเดาจืด คือมันไม่ขมมาก เวลาเด็ดยอดหรือดอกมากิน ก็เอาน้ำร้อนลวกแค่ครั้งเดียวแล้วแช่น้ำเย็นจัดไม่ให้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองเกินไปเดวดูไม่น่ากิน ถ้าเป็นสะเดาขมต้องลวกกันหลายน้ำหน่อย อีกอย่างการที่ต้องให้แช่น้ำเย็นจัดๆ ก็จะช่วยให้ยอดสะเดากรอบ ไม่เหนียวด้วย กินกับปลาดุกย่าง หรือกุ้งเผา และน้ำปลาหวานตำหรับคุณยาย ฮู้ย...พูดแล้วชักน้ำลายสอขึ้นมาเลยเชียว..
แล้วคุณยายยังเลี้ยงไก่ไว้เก็บไข่กิน สี่ห้าตัว และไม่ฆ่าเลยเก็บไข่จนกว่ามันจะแก่ตายไปเอง มีเป็ดด้วยนะ แล้วก็มีห่าน 2 ตัวด้วย ตอนนั้นจิ๊บยังเล็ก ๆ อายุประมาณ 5- 6 ขวบก็ชอบไปเล่นริมสระ ให้พี่เม้าซึ่งเป็นพี่เลี้ยงเก็บดอกบัว ดอกผักบุ้งมาให้เล่น ชอบไปแตะใบผักกระเฉดเล่น ปรกติมันจะแผ่ใบบานๆเต็มที่ แต่พอเราเอามือแตะเบาๆ มันก็หุบใบซะ แหมสนุกมากเลย บางทีเดินไล่แตะใบกระเฉดเพลินไหลลงน้ำเปียกไปก็มี พี่เม้าต้องหิ้วมาอาบน้ำใหม่ (ไว้วันหลังจะนินทาพี่เม้าให้ฟัง.. อิอิ) 

เหตุการณ์ระทึกขวัญที่ทำให้กลัวสัตว์ปีกเกิดขึ้น 2 ครั้ง

ครั้งแรกคือ...ตอนที่ไก่มันออกไข่ ตามปกติเวลาเป็ดไก่ออกไข่ คุณยายก็ให้ตามป้าออมไปเก็บไข่ตอนเช้าๆ เกือบทุกวัน ตอนเก็บไข่เป็ดก็ไม่เป็นไร มันออกไข่ไว้ตามพื้นเก็บได้ตามสบาย แต่ไก่นี่สิ มันออกไข่ในรังที่ทำร้านไว้วางตะกร้า 5 ใบ เรียงไว้เอาใบไม้แห้งนุ่มๆ ปูไว้ให้มัน เวลาเก็บก็ต้องไปเก็บที่ตระกร้าของมัน บางตัวก็พยายามกกไข่ฟักไข่โดยสัญชาตญาณความเป็นแม่อันสูงส่ง แต่บางตัวสงสัยวิญญาณนังลำยองเข้าสิง ออกไข่เสร็จตะแล๊ดไปไหนไม่รู้เราก็เก็บสบาย แต่ป้าออมไม่ค่อยให้เข้าไปเก็บบอกว่าเดี๋ยวตัว “ไร” เล็ก ๆ ซึ่งชอบเกาะที่ตัวไก่จะกัดเอา แต่มีอยู่วันนึงด้วยความที่จะเรียกว่าอยากรู้อยากเห็นเกินเหตุหรืออะไรเข้าสิงไม่รู้ อยากรู้ว่าเวลาแม่ไก่มันนอนทับไข่ ไข่มันจะร้อนจนสุขมั้ย ดู๊..คิดได้ไงไม่รู้..คนเรา..พอป้าออมเผลอก็ยื่นมือเล็กๆไปจะจับไข่ดู ยังไม่ทันได้แตะถึงไข่  โหยยยย... แม่ไก่มันฉุนขาด.. พองขน สยายปีกออกยื่นหน้าอ้าปากแหลมเปี๊ยบมาจะจิกจิ๊บ เท่านั้นแหละนักสำรวจไข่อย่างดิชั้นร้องกรี๊ดๆๆ ขนลุกไปทั้งตัว แม๊ !! กลัวซะตัวสั่น ความจริงตกใจมากกว่านะจิ๊บว่า วินาทีนั้นน่ะ...หลังจากนั้นก็เลิกเก็บไข่ ไม่อยากรู้ด้วยว่ามันจะร้อนจะเย็น จะเหม็นรึหอม ก็ช่างมันเถอะ 5555+
เวลาผ่านไปหลายวัน..เข็ดกับนังแม่ไก่ขี้งกหวงไข่เกินเหตุ..ชั้นจะไม่ไปเหยียบรังแกอีกต่อไป ..ชิ..แต่แล้วก็.. อ๊ะๆ..มองมาหลายวันแล้ว ห่านนี่มันก็สวยเหมือนหงส์เนอะ...ฟังนิทานเรื่องเจ้าหญิงหงส์ขาวก่อนนอนทุกคืน..จินตนาการแทรกไปทั่วอณูร่างกาย..อยากเป็นเจ้าหญิงหงส์ขาวดูมั่ง ท่าจะเวิร์ค พี่เม้าเดินกลับไปเอาหมวกมาให้ใส่ เจ้าหญิงอย่างฉันจะรออยู่ไย ทันใดนั้น ก็จะเดินไปลูบหัวห่านอย่างเอ็นดู ที่ไหนได้.. กรี๊ดดดด.....นังห่านยืดคอยื่นออกมา อ้าปากจะงาบขาเจ้าหญิง.. แต่โชคดีไม่โดนขาแต่งาบได้ชายกระโปรงดิช้านนน  ยื้อแย่งประสานเสียงกรี๊ด กับเสียงแตกตื่นของเป็ดที่ว่ายน้ำอยู่ในสระ ใกล้ๆกันนั้น ประมาณสองสามนาทีแต่รู้สึกนานเหมือนชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ แม่กับพี่เม้าวิ่งหน้าตาตื่นมา พี่เม้าโยนหมวกทิ้งวิ่งเข้ามาอุ้มจิ๊บแม่วิ่งตามมาแต่ยังมีเวลาเก็บหมวกจิ๊บมาปัดฝุ่นเล็กน้อย (อันนี้พี่เม้าเล่าให้คุณยายฟังตอนหลัง แล้วกลายเป็นเรื่องที่ล้อเลียนกันในครอบครัวว่าแม่ห่วงหมวกมากกว่าห่วงลูกสาว..) แล้วแม่ก็ช่วยไล่อินังห่านสองตัวนั่นไป หลังจากนั้นคุณยายเลยเอาห่านให้คนอื่นไปเลี้ยง บ้านเราเลยไม่มีห่านอิกต่อไป...

เดี๋ยวนี้จิ๊บรู้แล้วละว่า...ห่านกับหงส์มันคนละชั้นกัน  หงส์น่ะขาวกว่า เริ่ด
เชิ่ดกว่า สวยกว่าเห็นๆ ไฮโซกว่ากันเยอะเลย  ชิ....

เอวังก็มีด้วยประการะฉะนี้..แล..
ชะอ้าว..ว่าจะคุยเรื่องน้องหมา..ไหงมาคุยเรื่องหงส์เรื่องห่านได้ยังไงกันละเนี่ย 5555
.....เอางี้ละกันเดวขอไปกินของเบรค กับชาซักถ้วย แล้วค่อยมาคุยกันต่อเรื่อง “เจ้าแพท” น้องสี่ขาสุดที่รักของจิ๊บกันค่ะ...ชื่อเรื่องกับเนื้อเรื่องมันยังโยงกันไม่ได้เลย มัวแต่เม้าส์แตกออกนอกเรื่องไป อิอิ...ไงๆ จิ๊บก็จะพยายามฉุดกระชากลากเนื้อเรื่องมาให้เข้ากับชื่อเรื่องให้จงได้ละ เดวมาคุยกันต่อตอน 2 นะคะ.........

2 ความคิดเห็น:

  1. อ่านไปก็ขำไปกับวีรกรรมพี่จิ๊บวัยเด็กค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ พี่จิ๊บมีวีรกรรมกะสัตว์ปีก ส่วนหนูมีวีรกรรมกะน้องหมาค่ะ ก็เลยเป็นโรค "กลัวน้องหมา" มาจน ณ บัดนาว 555 จะแวะมาอ่านเรื่อยๆนะค้า ^^

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ปลื้มใจมากมายที่น้องอ่านแล้วชอบ ขอบคุณมากๆๆเลยสำหรับเม้นท์ค่ะน้องน้ำ คนสวยของพี่ จุฟๆๆ

      ลบ