เฮ้อ!!! วันหยุดที่ไม่ได้หยุด...ใครเจอแบบนี้บ้าง...
เราก็คิดว่าทำงานตลอด 5 วัน จันทร์ – ศุกร์ พอวันเสาร์ - อาทิตย์ว่าจะว่าง พักผ่อนเต็มที่.. ที่ไหนได้..มีบางคนรอมา 5 วันที่จะคุยด้วยและทำกิจกรรมสารพัดร่วมกัน ..ทำกับข้าวใส่ปิ่นโตไปวัดเอย..กลับมารื้อกระถางต้นไม้ เอาลงดินเอย..กลางวันไปกินก๊วยเตี๋ยวหมูร้านอร่อย...เลยไปซื้อต้นไม้..(อิกและ..) ไปช้อปปิ้ง เปลี่ยนผ้าปูที่นอนและเปลี่ยนผ้าม่าน 3 ห้อง ขับรถเอาของเก่าไปส่งร้านซัก..กลับมาแวะตลาดสดซื้อกับข้าว ทำกับข้าว..คุยๆๆๆๆ ฟังเทศน์-สนทนาธรรม..นวดให้คุณยาย...ล้างรถ..ไปอาบน้ำหมา ...รื้อตู้หนังสือ ปัดฝุ่นจัดใหม่ โห...วันหยุดนะเนี่ย....เหนื๊อยเหนื่อย....
วันศุกร์นี้ก็จะเปิดเทอมละ ดีไปอย่างมีหนังสือต้องอ่าน ต้องไปเรียนวันเสาร์ทั้งวันไม่ต้องฟุ้งซ่าน..
วันนี้จะเล่าเรื่องเจ้าแพทให้จบ จะได้คุยกันเรื่องอื่นๆ เปลี่ยนบรรยากาศจากการหมกมุ่นกับเรื่องหมาๆ มาหลายตอนนะคะ อิอิ..
เจ้าแพทตอนนี้อายุ 7 ปีแล้วเป็นสาวเต็มตัวคุณยายเลี้ยงซะอ้วน กำลังบังคับให้ลดความอ้วน แล้วก็บังคับให้คุณยายลดความเอ็นดูให้มันกินข้าววันละสามสี่มื้อลง ที่เรียก “คุณยาย” นี้ ไม่ได้หมายถึงคุณยายที่รักที่สุดในสามโลกของจิ๊บนะคะ แต่เป็นคุณแม่ที่รักที่สุดในสามโลกของจิ๊บเองซึ่งเจ้าแพทมันเรียกว่า “คุณยาย” ความจริงแพทมันไม่ได้เรียกหรอกเพราะมันพูดไม่ได้นิ แต่แม่จิ๊บเรียกตัวเองเวลาพูดกับมันว่า “ยายยังงั้น..ยายยังงี้” เวลาคนจดมิเตอร์น้ำ คนส่งแก๊ส หรือใครมาที่บ้านก็จะบอกแพทว่า “ไปบอกคุณยายไป” เจ้านี่ก็วิ่งหน้าเริ่ดไปหาแม่ แหงนหน้าเรียก วู้ว....เป็นอันเข้าใจกัน
ต้นเรื่องที่แม่กลายเป็น “ยาย” ของแพทก็คือ ตอนที่จิ๊บต้องไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร จ.ปัตตานี ก็เลยต้องเอาแพทไปไว้ที่บ้านคุณยาย เพราะแม่ไปอยู่กับคุณยายเพื่อดูแลคุณยายตั้งแต่คุณยายป่วยคราวโน้นน ช่วงก่อนเข้าพรรษาปีก่อนหน้านั้น แล้วแม่ไม่กลับมาอยู่ที่บ้านกรุงเทพฯ อีกให้จิ๊บ อยู่กับพี่เจ้ยและพี่สะใภ้กับหลานๆ แต่พี่เจ้ยก็ได้เลื่อนตำแน่งแล้วย้ายออกไปอยู่ต่างจังหวัดก็ยกครอบครัวตามไป (ประมาณว่าไปไหนต้องไปด้วยกัน เด๋วพี่เจ้ยจะแอบมีบ้านเล็กบ้านน้อย..เป็นซะงั้นแหละ) ทีนี้จิ๊บต้องอยู่คนเดียว แม่เลยบัญชาให้จิ๊บมาอยู่ที่บ้านคุณย่าจะได้ดูแลคุณย่าด้วย และไม่ต้องอยู่บ้านคนเดียวให้แม่เป็นห่วง....แล้วแม่ก็เลี้ยงดูเจ้าแพท ฉันท์ยาย - หลานมานับแต่บัดนั้น.....
หลังจากนั้นไม่นาน จิ๊บก็ไปเสนอหน้าอาสาจะไป “ใต้” โดยไม่ได้ปรึกษาใครเลย ตอนแรกไม่กล้าบอก ก็เลยเลี่ยงคัมภีร์บอกทุกคนว่า ไปๆ กลับๆ ซึ่งก็ไม่ได้โกหกน๊า เพียงแต่ไม่ระบุเวลา อันนี้ก็เป็นนิสัยขี้โกง ไม่ดี อย่าทำอย่างจิ๊บนะคะ ความจริงต้องไปอยู่ที่ค่ายสิรินธร 1 ปี ทำงาน 30 วัน พัก 10 วัน แล้วก็ถูกเสียงส่วนใหญ่โหวตให้ขายบ้านบางบัวทอง ห้ามไปอยู่คนเดียวอีก แม่จะเลี้ยงเจ้าแพทให้ จะได้ไม่ต้องเป็นภาระให้คุณย่ากะว่ากลับจากใต้ค่อยเอากลับมากรุงเทพฯ แต่ในที่สุดก็ไม่เอามาแล้วเพราะแม่ไม่ยอมพรากจากมันซะอีก
แต่ว่ามีบททดสอบแม่กับจิ๊บว่ารักและผูกพันกับเจ้าหมาตัวนี้อย่างที่เราเองก็คาดไม่ถึงทีเดียว เป็นเรื่องที่เราแม่ลูกทำใจไม่ได้เลย.. และไม่รู้ว่าในอนาคตต่อไปเมื่อถึงวันที่แพทมันแก่และอาจต้องจากกันเราจะทำใจได้โดยใช้เวลานานซักเท่าใด...
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 54 เกือบครบรอบ 1 ปี วันนั้นครอบครัวเรามีโปรแกรมจะต้องไปอยู่ที่บ้านตากอากาศที่เขาใหญ่ ปากช่อง และแม่มีความประสงค์จะทำบุญเลี้ยงพระและทำบุญบ้านกันที่นั่นด้วย จิ๊บเลยจับแพทอาบน้ำระดมชะโลมของหอมให้มัน แต่งตัวใส่เสื้อลายจุดสีฟ้าขาวให้มันเพราะที่ปากช่องหนาวมากแล้วก็พามันไปบ้านปากช่อง ปรากฏว่าระหว่างที่พักผ่อนกันอยู่บนบ้าน ร้องคาราโอเกะกันเพลิน จนลืมสนใจเจ้าหมาอ้วนที่ปล่อยมันเดินสำรวจภูมิประเทศอยู่ข้างล่าง และบ้านเราก็ไม่ได้มีรั้วกั้นเลย เปิดโล่งเอาชาดัดลงตลอดแนวรอให้มันโตเป็นรั้ว
พอตกเย็นประมาณซักสี่โมง รีสอร์ทใกล้เคียงก็เริ่มจุดพลุประปราย เป็นเรื่องละสิ เจ้าแพทนี่มันยิ่งขี้ตกใจไม่ชอบเสียงพลุ แม้แต่เวลาแม่หรือใครดุมันจะกลัวมาก ไม่ต้องถึงลงมือลงไม้หรอก แค่ทำเสียงเข้ม มันก็กลัวแล้ว สงสัยว่าได้ยินเสียงพลุแล้วตื่นตกใจ ขวัญกระเจิงหนีไปไหนไม่รู้ พอพวกเราหยุดร้องเพลง พี่ๆ เตรียมเตาบาร์บิคิว จะจัดปาร์ตี้กันที่สนามหญ้า จิ๊บลงมาเรียกหาเจ้าแพทก็ไม่เห็นมันวิ่งมาหา เอาละสิ แพทไปไหน?...ใจจิ๊บหายวาบ..ไม่นะ แพทอยู่ไหน..แพท.. จิ๊บเดินตามหาร้องเรียกไปด้วยตั้งแต่บ้านเราเข้าไปถึงบ้านหลังสุดท้ายในซอย เดินย้อนกลับไปปากซอย..ไม่มีวี่แววแพทเลย..เดินหาทุกซอกทุกมุม ทุกบ้านทุกซอย เดินข้ามรั้วไปสวนมะม่วงนอกรั้วรีสอร์ท หาจนทั่วก็ไม่เห็น..จิ๊บเดินกลับมา ทุกคนในบ้านแม่ พี่เจ้ย พี่สะใภ้ ลุงใหญ่พี่ชายแม่ คุณป้าเมียลุงใหญ่ หนูแพร หนูเพลิน น้องยอด ลูกลุงใหญ่ ทุกคนเดินร้องเรียกหาแพท รอบบ้าน แม้แต่คุณยายกับคุณย่าก็ก้ม ๆ เงย ๆ มองลงไปที่ใต้ถุนเรียกหาแพท จิ๊บเดินกลับเข้าบ้านอย่างใจเสีย หน้าตาเริ่มเหยเก วิ่งขึ้นไปเอากุญแจรถน้ำตาเอ่อท่วมตาขึ้นมา พุดอะไรไม่ออก ลงไปที่รถจะขับออกไปตระเวนตามหาแพท น้องเพลิน ไข่มุกกับน้องมัดตัวเล็ก วิ่งมาหาขอไปด้วย..แล้วสี่คนอาหลานก็ขับรถตระเวนหาเจ้าแพททั่วละแวกรีสอร์ทแถวนั้น ทั้งฮอลิเดย์ปาร์คอันกว้างใหญ่ ภูพิมาน แลนด์บรีซ ออกไปจนเกือบถึงปากทางไปตลาดปากช่องย้อนกลับเข้ามาถามยามรีสอร์ท ไปถามและฝากเรื่องไว้ที่สำนักงานโครงการ
ที่สุดก็ไม่พบ และไม่มีใครเห็นแพทเลย จิ๊บขับรถกลับเข้าบ้านอย่างหมดเรี่ยวแรงและแทบหมดหวังแล้ว พอจอดรถแม่เดินเข้ามาหาจิ๊บกอดแม่แล้วก็ร้องไห้ แม่ก็ร้อง หลานๆก็เข้ามากอดจิ๊บน้ำตาซึมกันอีก โอ๊ยย..โศกสุดๆๆ คุณยายปลอบว่ามันคงตกใจเสียงพลุแล้วไปหลบอยู่ไม่ไกล หรืออาจจะซ่อนตัวอยุ่แถวๆนี้แหละ เดี๋ยวหายตกใจแล้วมันก็ออกมา... จิ๊บอาการหนักกว่าเพื่อน ร้องไห้เหมือนลูกตายก็ไม่ปาน ทุกคนปลอบใจจิ๊บ ป้าออมจัดการขอยืมโทรศัพท์แม่ไปหาหมอดูเพื่อนแกที่บ้านนอก ป้าหรั่งป้าของไข่มุกจะมาช่วยทำกับข้าวเลี้ยงพระ มาถึงเจอเหตุสลดนี้เข้าโทรไปหาหมอดูยิปซีขาประจำ นัดวันไปดูหมอหาเจ้าแพท ทุกคนหน้าเคร่งเครียด ไม่มีใครมีแก่จิตแก่ใจจะรื่นเริงในวันส่งท้ายปีเก่าเลยแม้แต่น้อย คุณย่ากอดจิ๊บแล้วก็ปลอบใจ และคุณย่ากลายเป็นคนที่เข้มแข็งมีสติที่สุดก็บัญชาการการทำอาหารทั้งมื้อเย็นและเตรียมอาหารสำหรับเลี้ยงพระในตอนเช้าวันขึ้นปีใหม่ คุณย่าเรียกให้จิ๊บทำนู่นนี่ข้างๆ ตัวตลอดเพื่อให้จิ๊บมีอะไรทำจนไม่ต้องว่าง จิ๊บเด็ดใบโหระพาไปน้ำตาก็ร่วงแหมะๆ ยิ่งได้ยินเสียงแม่คร่ำครวญว่า “แพทลูกเอ๊ย จะไปหลบภัยอยุ่ตรงไหนลูก กลับมาบ้านเรานะ ยายเป็นห่วง” จิ๊บเลยปล่อยโฮเลยกลั้นไม่ไหวแล้ว...ช่วงระยะเวลา 4วันซึ่งเป็นวันหยุดนั้น จิ๊บจะตื่นแต่เช้า ออกเดินตามหาแพทจนสาย พอแดดเริ่มร้อนก้กลับมาขับรถออกไปตะเวนหาทั้งวัน ข้าวน้ำแทบไม่กิน จนมืดตะวันตกดินจึงเลิกหาเป็นอย่างนี้ทุกวัน
คุณยายกับคุณย่าสวดมนต์แผ่เมตตาให้แพททุกวัน จิ๊บหมดหนทางจนสุดท้ายแม่เอาธูปมาจุด พาจิ๊บนั่งที่พื้นสนามหญ้าหน้าบ้านเรา ไหว้เจ้าที่ เจ้าป่าเจ้าเขาให้คุ้มครองให้แพทปลอดภัย ตอนจิ๊บขับรถออกไปตามหามันเจอศาลพระภูมิ หรือศาลเจ้าพ่อเจ้าปู่ตรงไหนก็ไหว้เรื่อยไป หมดเวลาวันหยุดแล้ว ทุกคนกลับบ้านและต้องกลับไปทำงาน จิ๊บก็ตัดสินใจลาต่ออีกสองวันรอ เผื่อเจ้าแพทจะกลับมา แต่การรอคอยก็สิ้นสุดลงด้วยความผิดหวัง เพื่อนป้าออมสินที่เป็นหมอดูโทรกลับมาบอกว่าดูดวงชะตาแล้ว ว่าอย่ารออีกเลย แพทตายเสียแล้ว ตายในน้ำ จิ๊บรีบขับรถไปที่ทะเลสาบในทุกรีสอร์ท และทุกที่ที่มีสระน้ำ แต่ไม่พบศพหรือร่องรอยของแพทเลย...ใจหนึ่งก็ยังหวังว่ามันยังไม่ตาย ขอให้แพทเจอคนใจดีเลี้ยงมันไว้ อีกใจหนึ่งก็หมดหวังและจะทำใจว่าคงต้องจากกันในชาตินี้แล้ว
จิ๊บพาแม่ คุณยายและคุณย่ากลับบ้านมาอย่างเศร้าสร้อย จิ๊บคิดในใจว่า ปีใหม่2555 เป็นปีใหม่ที่เศร้าที่สุด ไม่สนุกที่สุด และจิ๊บไม่อยากจดจำเลย... จิ๊บกะคุณย่ากลับบ้านที่กรุงเทพฯ หลังจากนั้นแม่โทรมาทุกวัน สองแม่ลูกร้องไห้กันทางโทรศัพท์ แม่บอกว่าแม้แต่สวดมนต์ก็ไม่มีสมาธิ เห็นแต่หน้าแพทลอยมา นึกถึงเวลามันไล่แมว เวลามันไล่หนู เวลาที่มันกัดงู ปกป้องเป็น รปภ.ชั้นยอดของแม่ เวลาที่มันนั่งฟังแม่คุยโทรศัพท์ เวลาที่มันวิ่งมาเรียกแม่เมื่อมีแขกมาหา เวลาที่มันวิ่งรับทุกคนเวลามากินข้าวด้วยกันที่บ้านคุณยายทุกวันเสาร์...สารพัดภาพของมันในความทรงจำของแม่...
กลางดึก พอได้ยินเสียงหมาเห่าหรือหอนไกลๆ แม่ก็สะดุ้งแล้วต้องลุกมาเปิดประตูดูคิดว่าแพทกลับมา ซึ่งเป็นไปไม่ได้ บ้านปากช่องกับบ้านคุณยายอยู่ห่างไกลกันเกือบ 100 กิโลเมตร ไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น แต่แม่ก็เป็นอยู่อย่างนั้น ไม่น่าเชื่อนะ ไม่น่าเชื่อจริงๆ..ว่าเราเป็นกันได้ขนาดนี้ แต่มันคือเรื่องจริง จิ๊บไม่ได้แต่งเรื่อง หรือต่อเติมใส่ไข่แม้แต่น้อย ทุกคำพุดที่เล่าให้ฟังนี้เป็นเรื่องจริงทั้งหมดทั้งสิ้นค่ะ...
เมื่อจิ๊บกลับมาทำงานแล้วได้คุยโทรศัพท์กับคนใกล้ตัว (ซึ่งตอนนี้ห่างกันแสนไกล ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว) พี่เค้าบอกให้ทำสัตยาธิษฐานต่อพระพุทธเจ้า ขออานุภาพและพระคุณของพระพุทธองค์ช่วยปกปักษ์รักษา และขอให้แพทได้กลับบ้านมาอยู่กับพวกเรา โดยให้จิ๊บเลือกศีลข้อใดข้อหนึ่งที่จะรักษาอย่างบริสุทธิ์ตลอดชีวิต จิ๊บก็เลยเลือกที่จะใช้ศีลข้อ 5 เป็นคำมั่นต่อพระพุทธองค์ ชั่วชีวิตตั้งแต่นี้ต่อไปจิ๊บจะไม่ดื่มสุรา ของมึนเมา วง - ไวน์ ทุกชนิด แม้ว่าจะเป็นงานเลี้ยงที่เป็นงานในหน้าที่ หรือต้องดูแลและต้อนรับ ขว.หรือแขกต่างประเทศในงานของจิ๊บก็ตาม จิ๊บจะปฏิเสธไม่ดื่มแม้สักหยดเดียว...
....และชีวิตต้องดำเนินต่อไป เวลาผ่านไป แพทได้จากพวกเราไปเป็นเวลา 80 วัน จนถึงวันที่ 21 มีนาคม 2555 จิ๊บขับรถมาทำงานตามปรกติ กำลังจะหย่อนก้นลงเก้าอี้นั่งก็มีโทรศัพท์เข้ามา.....พี่เจ้ยกับพี่สะใภ้โทรมาเสียงละล่ำละลัก.... “จิ๊บๆๆๆๆ ฟังพี่นะ...แพทมา แพทกลับมาที่บ้านปากช่อง พี่เรียกหา มันกลัวแต่ไปหลบอยู่ใต้ถุนไม่ยอมออกมาหาพี่ แต่เจ้าแพทๆ เจ้าแพทแน่ๆๆ ล้านเปอร์เซนต์ พี่เจ้ยเค้าก็ยืนยัน จิ๊บๆ จิ๊บฟังพี่อยู่มั้ยจ๊ะ?” เสียงพี่สะใภ้เรียกอยู่ในโทรศัพท์ จิ๊บตั้งสติครึ่งนาทีแล้วบอกว่า “พี่คะพี่เฝ้าแพทไว้ให้จิ๊บด้วยจิ๊บจะขออนุญาต ผอ.แปป แล้วจะไปหาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” ผอ.ทำหน้าเหวอมาก เมื่อจิ๊บบอกว่า
“ผอ.ขา จิ๊บจะขออนุญาตลาวันนี้ จิ๊บจะรีบไปรับหมากลับบ้านเดวนี้เลยค่ะ”
“หา ไปไหน ทำอะไรนะ?”
“จิ๊บขออนุญาตไปรับหมากลับบ้านค่ะ”
“รับหมา????”
“ค่ะรับหมา”
“ที่ไหนลูก?”
“ปากช่องค่ะ จิ๊บขออนุญาตนะคะ จิ๊บต้องรีบไปเดวนี้เลยค่ะ ขอบพระคุณ ผอ.ค่ะ”
“ปากช่อง!!!!” ผอ. อุทานเสียงแหลมปรี๊ด...หน้าตามึนงงไม่หาย แต่จิ๊บอาศัยช่วงชุลมุนรีบวิ่งลงไปที่รถทันที
ใจก็ภาวนา แพทจ๋า รอแม่จิ๊บนะลูก...เดวเราจะกลับบ้านไปหาคุณยายกัน แพทอย่าไปไหนนะ รอแม่จิ๊บ...
จิ๊บจำได้ว่าเหยียบซะ 140 บางช่วงก็ 160 จนได้ยินเสียงดังอิ๊ดๆๆๆ แต่จิ๊บไม่สนว่ามันเป็นเสียงอะไร..มารู้ตอนหลังว่าเสียงลมมันพัดกระจกเวลารถวิ่งเร็วๆ คิดในใจว่าถ้าโดนตำรวจเรียกก็จะใช้บัตรเบ่งดูซักทีน่ะ แต่ก็ไม่โดนเรียกหรอก
ในที่สุดจิ๊บก็ไปถึงหน้าบ้านพอรถจอดปุ๊บ เจ้าแพทวิ่งออกมาจากใต้ถุนบ้านยืนหูตั้ง เสื้อลายจุดสีฟ้าที่สวมให้หายไปแล้ว..มันทำตาโต หน้าตื่นมองอย่างเพ่งพิเคราะห์ พอจิ๊บเปิดประตูรถ..เท่านั้นแหละ.. มันวิ่งๆๆๆหน้าเริ่ดโถมตัวมาเข้าอ้อมแขนจิ๊บเลียหน้าเลียแขน เลียขา เลียไปทั่ว จิ๊บก็ยอมให้มันเลียตามสบายเลย น้ำตาไหลพรากๆๆ แปปนึงมันก็วิ่งวนรอบตัวจิ๊บ แล้วก็วิ่งวนรอบรถจิ๊บอย่างร่าเริง หมุนไปหมุนมาอย่างสุดเหวี่ยง พี่เจ้ยออกมาจากห้องน้ำยืนหัวเราะมองเรามาจากบนระเบียง พี่สะใภ้จิ๊บยืนยิ้มด้วยร้องไห้ด้วย เช็ดน้ำตาหมุบหมับที่บันไดบ้าน จิ๊บกอดมันหลายรอบแล้วก็ปล่อยมันวิ่งไปหาพี่เจ้ย วิ่งไปหาพี่สะใภ้ ดมๆๆ แล้วก็มาวิ่งวนรอบตัวจิ๊บอีก โอยยยย.....ดีใจสุดๆๆ หัวเราะทั้งน้ำตา
.....แล้วจิ๊บก็พามันกลับบ้านคุณยาย แม่กอดมันไว้นานมาก จนมันดิ้นกุ๊กกั๊ก อิอิ น่าแปลกที่เนื้อตัวมันยังสะอาดสะอ้าน ไม่เปื้อน ไม่เหม็นเลย แต่จิ๊บก็อาบน้ำให้มันอีกอย่างสะอาด ตัวหอมฟุ้ง โดยมีป้าออมเป็นผุ้ช่วยที่ช่วยอะไรไม่ค่อยได้เพราะแพทมันไม่อยุ่นิ่งเลย เริงร่าผิดปรกติ ป้าออมบ่นว่า ไม่ไหวค่ะหนูจิ๊บป้าเวียนหัว... อิอิ...พอเสร็จคุณยายเรียกมันแล้วมันก็เดินไปให้คุณยายกอด ตอนอาบน้ำจิ๊บสังเกตเห็นหูข้างหนึ่งบวม จับดูเหมือนลูกโป่งที่มีน้ำอยู่ข้างในจิ๊บจับดูมันทำท่าเหมือนจะเจ็บๆ หันหน้าหนี ก็เลยพาไปหาหมอ หมอบอกว่าเส้นเลือดฝอยแตกอาจเป็นเพราะมันสะบัดหูเวลามีแมลงหรือยุงกัดทำให้เส้นเลือดฝอยแตก แต่หมอว่าถ้าไม่ผ่าออกก็ไม่เป็นไรเดวมันก็แห้งเองเพียงแต่ถ้าหายแล้วหูอาจจะย่นๆ ไม่คลี่ตั้งแหลมเหมือนเดิม แต่ถ้าผ่าก็ไม่แน่ว่าจะสวยเหมือนเดิมหรือเปล่า แล้วก็ต้องรักษาแผลผ่าให้ดี แอดมิทที่โรงพยายบาล 3วัน จิ๊บก็บอกว่ายังไม่อยากให้มันจากบ้านอิก มันเพิ่งกลับมา จิ๊บเล่าเรื่องมันหายไปให้หมอฟัง มันทำหน้าบ้องแบ๊วมองหน้าหมอที มองหน้าจิ๊บที หมอหัวเราะ แล้วก็ก้มลงจูบหัวมันด้วย ที่สุดหมอบอกว่าถ้าไม่คิดเรื่องสวยงามก็ไม่ต้องผ่า เดวมันก็จะแห้งไปเอง แล้วฉีดยาแก้อักเสบให้มันเข็มหนึ่ง จิ๊บไม่แคร์หรอกว่าเจ้าแพทมันจะสวยหรือไม่สวย แม่ก็เหมือนกัน ขอแค่มันได้กลับมาอยู่กับเรา เป็นเหลนคุณยาย เป็นหลานแม่ และเป็นลูกหมาอ้วนของจิ๊บที่ผอมสลิมสเลนเดอร์ หลังจากไปธุดงควัตรที่ป่าเขาใหญ่ซะ 80 วันพอดีๆๆ ตอนนี้มันก็กลับมาอ้วนปั๊กเหมือนเดิมขี้อ้อนยิ่งกว่าเดิม แต่ทำตัวเป็นองครักษ์ประจำตัวแม่ คือเดินนำหน้าเคลียร์พื้นที่เวลาแม่เดินไปไหนๆ
"เจ้าแพท" ซึ่งหูขวาย่นนิดหน่อย....ไม่สวยแล้วไง.... ถึงไม่สวยแต่จิ๊บกับแม่และทุกคนในบ้านเราก็รักมันหมดใจเลยละค่ะ......